นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ ระหว่าง กระทรวงพาณิชย์ และบริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม 2552 ณ ห้าง บิ๊กซี สาขาติวานนท์ ว่า
ดิฉันมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่อง “ความร่วมมือในการส่งเสริมการรับซื้อและการจัดจำหน่ายผลิตผักและผลไม้ไทย” ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ห้างบิ๊กซี ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้
กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนทุกระดับมีความอยู่ดีกินดี ดิฉันจึงได้มอบนโยบายการผลักดันผลิตผลการเกษตร และให้การสนับสนุนด้านการตลาดแก่สินค้าเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาคการเกษตรมีมูลค่ากว่าร้อยละ 11 ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) และเกี่ยวข้องกับร้อยละ 40 ของแรงงานทั้งหมดของประเทศไทย
ในด้านการส่งเสริมการตลาดภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้รณรงค์ให้คนไทยบริโภคผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น และสนับสนุนอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า และรองรับผลผลิตส่วนเกินที่ออกมาในตลาด
สำหรับด้านการตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก อาทิ การจัดการแสดงสินค้าอาหารนานาชาติในไทย การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร และการส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพ สินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในตลาดหลักและตลาดใหม่
ทั้งนี้ ในปัจจุบันช่องทางการระบายผลิตผลการเกษตรของไทยที่สำคัญ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ช่องทาง Modern Trade หรือการกระจายสินค้าผ่านห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่มีสาขาทั่วราชอาณาจักรไทย และทั่วโลก
สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ในครั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานของมิตรไมตรีและการเป็นพันธมิตรกันยาวนาน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง กระทรวงพาณิชย์ และบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จึงเห็นสมควร จัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการรับซื้อ และส่งออกผลิตผลการเกษตรของไทย ผ่านสาขาห้างบิ๊กซี ทั่วราชอาณาจักรไทย และผ่านเครือข่ายกลุ่มคาสิโน ทั่วโลก โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ คือ
1. จะเพิ่มปริมาณการรับซื้อผลผลิตผักและผลไม้ที่เป็นประจำฤดูกาล และเป็นประจำปี ที่มีคุณภาพที่เหมาะสมจากภาคการเกษตรภายในประเทศ ในปี พ.ศ.2552 อีกอย่างน้อยร้อยละ 10 โดยคิดเป็นปริมาณการรับซื้อทั้งหมด 10,000 ตัน ในตลอดปี พ.ศ.2552 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 180 – 200 ล้านบาท
2. จะส่งเสริมการจำหน่ายผัก และผลไม้ไทยที่เป็นประจำฤดูกาลของไทย ตลอดจนผักและผลไม้ไทยประจำปีจากเกษตรกรไทย ในทุกสาขาของบิ๊กซีทั่วประเทศ ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการขายของบิ๊กซี
3. จะส่งเสริมและพัฒนาผักและผลไม้จากเกษตรกรไทย ทั้งด้านการสร้างภาพลักษณ์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผักและผลไม้ไทย โดยจัดพื้นที่จำหน่ายเฉพาะส่วน พร้อมติดป้ายเจาะจงว่าเป็นสินค้าไทยแยกออกจากสินค้าอื่น รวมทั้งให้ความรู้ด้านวิชาการให้แก่เกษตรกรไทย โดยผ่านทางสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าสู่ระบบการจัดการคุณภาพ GAP ได้ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดรองรับสินค้าผักและผลไม้แปรรูป อันเป็นการสร้างความเป็นบูรณการทางเศรษฐกิจของเกษตรกรไทย
4. จะส่งเสริมธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับท้องถิ่น หรือ OTOP ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่ โดยไม่คิดค่าเช่า ใน 67 สาขาทั่วประเทศ สำหรับจำหน่ายสินค้า OTOP และสนับสนุนพื้นที่ของสาขา เพื่อการจัดนิทรรศการ OTOP ทั้งในระดับย่อย และระดับประเทศด้วย
5. และจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ ในการเป็นผู้ดำเนินการประสานงาน เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้กับผักและผลไม้จากภาคการเกษตรไทย รวมทั้งสินค้าประเภทอื่นๆ โดยบิ๊กซีจะติดต่อประสานงานกับบริษัทในกลุ่ม (ห้าง) คาสิโน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย ในสาขาต่างๆ ของเครือข่ายกลุ่ม (ห้าง) คาสิโน
แหล่งข่าว : กระทรวงพาณิชย์
ดิฉันมีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ เรื่อง “ความร่วมมือในการส่งเสริมการรับซื้อและการจัดจำหน่ายผลิตผักและผลไม้ไทย” ระหว่างกระทรวงพาณิชย์ และบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ ห้างบิ๊กซี ซึ่งถือเป็นนโยบายที่สำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ในวันนี้
กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ ให้เติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน เพื่อให้ประชาชนทุกระดับมีความอยู่ดีกินดี ดิฉันจึงได้มอบนโยบายการผลักดันผลิตผลการเกษตร และให้การสนับสนุนด้านการตลาดแก่สินค้าเกษตรมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากภาคการเกษตรมีมูลค่ากว่าร้อยละ 11 ของผลผลิตมวลรวมประชาชาติ (GDP) และเกี่ยวข้องกับร้อยละ 40 ของแรงงานทั้งหมดของประเทศไทย
ในด้านการส่งเสริมการตลาดภายในประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ได้รณรงค์ให้คนไทยบริโภคผลไม้ไทยเพิ่มขึ้น และสนับสนุนอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่สินค้า และรองรับผลผลิตส่วนเกินที่ออกมาในตลาด
สำหรับด้านการตลาดต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมส่งเสริมการส่งออก ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก อาทิ การจัดการแสดงสินค้าอาหารนานาชาติในไทย การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอาหาร และการส่งเสริมการขายร่วมกับห้างสรรพ สินค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต ในตลาดหลักและตลาดใหม่
ทั้งนี้ ในปัจจุบันช่องทางการระบายผลิตผลการเกษตรของไทยที่สำคัญ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่ ช่องทาง Modern Trade หรือการกระจายสินค้าผ่านห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ ที่มีสาขาทั่วราชอาณาจักรไทย และทั่วโลก
สำหรับวัตถุประสงค์ในการลงนามบันทึกความเข้าใจ ในครั้งนี้ อยู่บนพื้นฐานของมิตรไมตรีและการเป็นพันธมิตรกันยาวนาน โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศไทยเป็นที่ตั้ง กระทรวงพาณิชย์ และบริษัทบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จึงเห็นสมควร จัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการรับซื้อ และส่งออกผลิตผลการเกษตรของไทย ผ่านสาขาห้างบิ๊กซี ทั่วราชอาณาจักรไทย และผ่านเครือข่ายกลุ่มคาสิโน ทั่วโลก โดยมีเนื้อหาที่สำคัญ คือ
1. จะเพิ่มปริมาณการรับซื้อผลผลิตผักและผลไม้ที่เป็นประจำฤดูกาล และเป็นประจำปี ที่มีคุณภาพที่เหมาะสมจากภาคการเกษตรภายในประเทศ ในปี พ.ศ.2552 อีกอย่างน้อยร้อยละ 10 โดยคิดเป็นปริมาณการรับซื้อทั้งหมด 10,000 ตัน ในตลอดปี พ.ศ.2552 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 180 – 200 ล้านบาท
2. จะส่งเสริมการจำหน่ายผัก และผลไม้ไทยที่เป็นประจำฤดูกาลของไทย ตลอดจนผักและผลไม้ไทยประจำปีจากเกษตรกรไทย ในทุกสาขาของบิ๊กซีทั่วประเทศ ภายใต้กิจกรรมส่งเสริมการขายของบิ๊กซี
3. จะส่งเสริมและพัฒนาผักและผลไม้จากเกษตรกรไทย ทั้งด้านการสร้างภาพลักษณ์ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผักและผลไม้ไทย โดยจัดพื้นที่จำหน่ายเฉพาะส่วน พร้อมติดป้ายเจาะจงว่าเป็นสินค้าไทยแยกออกจากสินค้าอื่น รวมทั้งให้ความรู้ด้านวิชาการให้แก่เกษตรกรไทย โดยผ่านทางสหกรณ์ เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรไทยสามารถเข้าสู่ระบบการจัดการคุณภาพ GAP ได้ นอกจากนี้ยังเป็นตลาดรองรับสินค้าผักและผลไม้แปรรูป อันเป็นการสร้างความเป็นบูรณการทางเศรษฐกิจของเกษตรกรไทย
4. จะส่งเสริมธุรกิจและอุตสาหกรรมระดับท้องถิ่น หรือ OTOP ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่ โดยไม่คิดค่าเช่า ใน 67 สาขาทั่วประเทศ สำหรับจำหน่ายสินค้า OTOP และสนับสนุนพื้นที่ของสาขา เพื่อการจัดนิทรรศการ OTOP ทั้งในระดับย่อย และระดับประเทศด้วย
5. และจะให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกระทรวงพาณิชย์ ในการเป็นผู้ดำเนินการประสานงาน เพื่อเพิ่มช่องทางจำหน่ายให้กับผักและผลไม้จากภาคการเกษตรไทย รวมทั้งสินค้าประเภทอื่นๆ โดยบิ๊กซีจะติดต่อประสานงานกับบริษัทในกลุ่ม (ห้าง) คาสิโน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ในการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าไทย ในสาขาต่างๆ ของเครือข่ายกลุ่ม (ห้าง) คาสิโน
แหล่งข่าว : กระทรวงพาณิชย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น