วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

พาณิชย์จังหวัดพิษณุโลกประชุมหารือ เรื่องอนุมัติให้ปรับเพิ่มรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 อีกจำนวน 2.0 ล้านตัน

คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) มีมติเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2552 อนุมัติให้ปรับเพิ่มรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 อีกจำนวน 2.0 ล้านตัน เพื่อให้เกษตรกรสามารถจำนำข้าวเปลือกในช่วงเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2552 (ภาคใต้เดือน กรกฎาคม – กันยายน 2552 ) ซึ่งเป็นระยะเวลารับจำนำที่กำหนดไว้ได้ โดยจะไม่ขยายระยะเวลาสิ้นสุดการรับจำนำออกไปอีก และมอบหมายให้คณะอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกพิจารณาจัดสรรปริมาณการรับจำนำข้าวเปลือกให้แต่ละจังหวัดตามเกณฑ์ผลผลิตคงเหลือของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เพื่อให้สามารถกระจายการรับจำนำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง รวมทั้งให้มีการกำกับดูแลและตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ทั้งข้าวที่โรงสีรับจำนำ และข้าวที่โรงสีต้องรับซื้อทางการค้าปกติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์ การทุจริตการนำข้าวลักลอบ ข้าวเก่าหมุนเวียนเข้าร่วมโครงการ
กรมการค้าภายใน ในฐานะฝ่ายเลขาการ กขช. ขอเรียนว่า คณะอนุกรรมการดำเนินการรับจำนำข้าวเปลือกได้ประชุม เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2552 เพภื่อดำเนินการตามนัยมติ กขช. ดังกล่าว ละมีมติ ดังนี้
1. การสั่งสีแปรสภาพ เห็นชอบให้ อคส. และ อ.ต.ก. ปรับเปลี่ยนการสั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 จากเดิมที่กำหนดให้สั่งสีแปรสภาพข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ทุก 15 วัน ทุก 30 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของปริมาณข้าวเปลือกที่ได้รับจำนำ และส่งมอบข้าวสารเข้าโกดังกลาง ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่สั่งสีแปรสภาพ
2. การจัดสรรปริมาณการรับจำนำ เห็นชอบให้จัดสรรปริมาณการรับจำนำตามแนวทางที่กำหนดไว้เดิม คือ ให้จังหวัดแหล่งผลิตในอัตราร้อยละ 70 (ปริมาณ 1,400,000 ตัน ) และโควตากลาง ร้อยละ 30 (ซึ่งรวมผลผลิตของภาคใต้ที่คาดว่าจะมีผลผลิตประมาณ 199,000 ตัน ของปริมาณข้าวเปลือกที่ได้รับอนุมัติเพิ่มเติมอีก จำนวน 2 ล้านตัน ตามสัดส่วนปริมาณผลผลิตคงเหลือของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (เดือนมิถุนายน-กรกฎาคม 2552 ) กรณีจำเป็นและจังหวัดร้องขอให้เพิ่มเติมให้ฝ่ายเลขานุการพิจารณาจัดสรรจากโควตากลาง โดยความเห็นชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ประธานอนุกรรมการและมอบหมายให้คณะอนุ กขช. ระดับจังหวัด พิจารณาจัดสรรปริมาณรับจำนำข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2552 ให้โรงสีที่เข้าร่วมโครงการกับ อคส. และ/หรือ อ.ต.ก. ตามปริมาณที่ได้รับจัดสรร โดยพิจารณาตามกำลังการผลิตของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการหรือตามที่เห็นสมควร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น